เป็นอีกหนึ่งปีที่เปลี่ยนแปลงแบบงงๆ ฟื้นจากโควิดก็เจอกับหลากหลายเรื่องราวทันที 😂
ในปีที่ผ่านมา หลังจากที่ยื่นจบไปเมื่อกลางปีที่แล้ว ปลายปีก็จบอย่างเป็นทางการและมีใบปริญญาบัตรฉบับปริญญาโทเรียบร้อยสักที! เพราะก่อนหน้านี้ที่สมัครงานและเขียนจบโทไปก็มีความรู้สึกเขินเพราะยังจบไม่จริง วารสารเทไปหนึ่งรอบ กว่าจะได้ตีพิมพ์ก็รอนานวนไป

ในพาร์ทการทำงาน ถึงแม้จะหนีการทำงานจากตำแหน่ง Graphic Designer มาเป็น Content Copywriter ก็ตาม แต่พอน้องในทีมลาออกไป ดังนั้นตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมาทำให้ต้องแฮนเดิลงานกราฟิกทั้งออฟไลน์, หน้าร้าน และออนไลน์วนไป จนเกิดความรู้สึกว่าจะเบิร์นเอาท์แล้วนะ เนื่องจากในช่วงนั้นมีการเปิด 2 สาขาในช่วงเวลาที่ใกล้กัน อีกทั้งคอนเท็นท์ต่าง ที่ต้องทำไปด้วยในแต่ละวัน จนไม่ได้มีเวลาพักมากนักและงานโหลดขึ้นเป็นกอง จนต้นปีเราตัดสินใจว่าน่าจะต้องเปลี่ยนงานไม่งั้นไม่ไหวแน่นอน
จริงๆ การตัดสินใจเปลี่ยนงานในรอบนี้เป็นเรื่องที่แอบหนักใจเล็กๆ เพราะจริงๆ เพื่อนและพี่ที่ทำงานเดิมนั้นสนุกสนานเฮฮามาก แต่อย่างที่บอกไว้ข้างต้น ถึงแม้จะมีน้องกราฟิกเพิ่มมาสองคนก็ตาม แต่ตำแหน่งคอนเท็นท์ยังอยู่คนเดียวเหมือนเดิม ประกอบกับมีการปรับผังองค์กรใหม่ เลยตัดสินใจว่าออกแล้วกัน!

จริงๆ ก่อนแจ้งออกนั้น เราได้คุยเพื่อที่จะเปลี่ยนงานไปสายฟินเทคแห่งหนึ่ง แต่ด้วยกระบวนการภายในที่ทำให้เราอดได้งานที่นั้น มันเป็นช่วงที่เราตัดสินใจออกจากที่เก่าพอดี (เพราะตอนนั้นจะมีโปรเจ็คต์ใหม่ที่จะได้ถือ เลยต้องบอกเพื่อถ่ายโอนไปให้คนอื่นๆ แทน) ทำให้ที่ใหม่และตำแหน่งใหม่ต้องหาให้ได้ภายใน 45 วัน แล้วแตะถ่วงที่ใหม่บอกว่าถ้าคอนเฟิร์มแล้วจะกดออกจากระบบนะ
บอกเลยว่าโชคดีสุดๆ เพราะได้ปรึกษากับพี่ที่รู้จัก แล้วพี่ที่รู้จักบอกว่ามีผู้จัดคอนเสิร์ตแห่งหนึ่งกำลังตามหาคนสายคอนเท็นท์พอดี เลยได้รับโอกาส Refer ให้ได้เข้าสัมภาษณ์กับทีมผู้บริหาร และส่งการบ้านต่างๆ และได้คำตอบว่ารับเข้าทำงานแล้วจ้า! พร้อมทั้งอัปเกรดตำแหน่งงานไหม จากที่เก่าเป็น Team Lead ตอนนี้เป็น Online Marketing Manager แล้วเรียบร้อย
ซึ่งถ้านับจริงๆ ก็เพิ่งทำงานครบเดือนไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี่เอง ถึงแม้ยังไม่ได้ทำอะไรมากนัก แต่ได้ลองศึกษาระบบและจับงานหลายๆ ส่วนแล้ว เป็นงานที่อยากทำและไม่ต่างจากที่คิดไว้เท่าไรนัก ซึ่งเป็นเรื่องดีที่จะได้เอาความรู้ที่เรียนโทมาปรับและประยุกต์ใช้เยอะมาก รวมทั้งการรับมือกับการตอบฟีดแบคต่างๆ ที่เกิดขึ้นในฐานะผู้จัดด้วย.. ไม่แน่ใจว่าอนาคตจะเจออะไรบ้าง แต่ก็พร้อมท้าทายและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ แล้ววว

ในส่วนงานอดิเรกและการติ่งอย่าง ‘วินดึพาร์ค’ ก็คงยังทำอย่างต่อเนื่องจนเข้าสู่ปีที่ 3 เป็นปีที่แจฮวานเติบโตขึ้น มีงานสม่ำเสมอขึ้น และเป็นที่รู้จักในระดับหนึ่งแล้ว ทำให้เราไม่ได้ทำกราฟิกหนักเหมือนสองปีที่ผ่านมา ประกอบกับงานหลักที่หนักทำให้เราเน้นทำกราฟิกสรุปข้อมูลมากกว่า รวมทั้งตัวเว็บไซต์ที่ก็ปรับปรุงตามความสนุกของตัวเองวนไป.. ซึ่งน่าสนใจว่าตอนนี้ คนเข้าชมเว็บไซต์เพราะเรื่อง How To และแนะนำการเดินทางไปฮอลล์ต่างๆ มากกว่าการมาดูรายการย้อนหลังแล้ว
นอกเหนือจากนี้ ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เจอ JO1 กับ INI ตัวจริงแบบใกล้ๆ แล้ว (แน่นอนว่านอกจากคอนของแจฮวาน เราก็ไม่ยอมเสียเงินเลย บัตรคอนเสิร์ตเดี๋ยวนี้แพงเกินรับไหวจริงๆ) ซึ่งตอนดูหนัง JO1 ที่แอบน้ำตาซึมพอมาเจอมันอีโมต่อใจและได้พลังใจเพิ่มจากเดิมเยอะเลย.. เป็นการพิสูจน์อย่างหนึ่งว่าการมาติ่งถึงเหนื่อยขนาดไหน แต่เราก็จะได้พลังจากศิลปินที่เรารักเสมอ

อีกหนึ่งพาร์ทที่ได้ทำจริงๆ จังๆ คือการเป็นแอดมินของเพจร้านอาหารสุดอร่อยใจกลางซอยสุทธิสาร ซึ่งอาจารย์และพี่ที่เคารพก็ได้ชวนมาทำด้วยกัน ถึงแม้จะทำมาสักพักแล้วก็ตามแต่เราก็พยายามปรับจูนหาแนวทางและคอนเท็นท์ที่เหมาะสมกับการโปรโมทร้านอาหาร, เมนูอาหารต่อไปป.. เป็นอีกหนึ่งพาร์ทที่ได้เรียนรู้และได้ลองทำแบบสนุกๆ แถมอิ่มมากเวลาไปร้านทุกรอบ /ฮา
เป็นอีกหนึ่งปีที่กลับมามองตัวเองก็รู้สึกว่าเราก็กระโดดมาไกลพอสมควร ถึงมีหลายอย่างที่ไม่พอใจตัวเองในปีที่ผ่านมา แต่หลายอย่างก็แก้ไขไม่ได้แล้ว ก็ถือเป็นบทเรียนที่ผ่านมาและผ่านไป.. หวังว่าในทุกๆ วันหลังจากนี้จะเป็นวันที่ดีและใจดีกับเราเสมอนะ 🥹
ป.ล. จริงๆ ตั้งใจจะเขียนบล็อกนี้ช่วงวันเกิด แต่เป็นช่วงที่ยุ่งหลายๆ อย่าง กว่าจะเขียนจบก็คือปลายเดือนพอดี /ฮา